ผลการพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ตามแนวคิดพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมอง (Brain–based Learning) ของ สารภี ชมพูคำ
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ความเป็นมา
จากสภาพการจัดการเรียนการสอนระดับปฐมวัย
ในกิจกรรมเสริมประสบการณ์ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนบ้านนาเวียง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษายโสธร เขต 2ในปีการศึกษา 2550 – 2551 พบว่าเด็กมีปัญหาด้านพัฒนาการของสมองผ่านกิจกรรมที่มีการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการรับรู้และสื่อความหมายข้อมูลไม่ครบถ้วน
ไม่สามารถแจกแจงรายละเอียดของการรับรู้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีปัญหาด้านทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน
เนื่องจากการใช้ประสบการณ์ในการเรียนรู้ไม่สอดคล้องสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน
ทำให้เด็กปฐมวัยขาดทักษะการสังเกต ทักษะการวัดและทักษะการจำแนกซึ่งเป็นทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานในการพัฒนาทางสมองมีรายละเอียดการจัดกิจกรรมที่สอดคล้องสัมพันธ์กัน
ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ศึกษาหลักการ เหตุผลและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแล้วดำเนินการสร้างนวัตกรรมใช้แก้ปัญหาดังกล่าวคือ
การพัฒนากิจกรรมทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ตามแนวคิดพัฒนาการเรียนรู้ของสมอง (Brain – based Learning)
ความมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
1. เพื่อพัฒนาแผนการจัดประสบการณ์ทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานของนักเรียน
ชั้นอนุบาลปีที่ 2 ตามแนวคิดพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมอง (Brain – based Learning)
ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์
80/80
2. เพื่อเปรียบเทียบทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่
2 ตาม
แนวคิดพัฒนาการเรียนรู้ของสมอง
(Brain – based Learning) ก่อนและหลังการจัดประสบการณ์
3. เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้ด้วยแผนการจัดประสบการณ์
ทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ตามแนวคิดพัฒนาการและการเรียนรู้
ของสมอง (Brain – based
Learning)
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
1. ประชากร
ประชากรได้แก่นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนบ้านนาเวียง ภาคเรียนที่ 1ปีการศึกษา
2552 จำนวน 17 คน เป็นการศึกษาทั้งกลุ่มประชากร
เนื่องจากชั้นอนุบาลปีที่ 2มีนักเรียนห้องเดียว
2. กระบวนการพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่
2ตามแนวคิดพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมอง (Brain – based
Learning) ได้แก่ การจัดประสบการณ์เน้นพัฒนาการด้านทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่สอดคล้องกับการทำงานของสมองประกอบด้วยเนื้อหาที่ใช้ในการเรียนรู้
ดังนี้
2.1 ปลูกต้นไม้ลดโลกร้อน
2.2 ไฟฟ้า
2.3 เสียงรอบตัวเรา
2.4 ดินจ๋าดิน
2.5 ข. ไข่มาแล้วจ้า
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
1. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา มี
3 ชนิด ดังนี้
1.1 แผนการจัดประสบการณ์พัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่
2 ตามแนวคิดพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมอง (Brain–based
Learning) จำนวน25 แผน
1.2 แบบประเมินพฤติกรรม ใช้ประเมินหลังการใช้แผนการจัดประสบการณ์
1.3 แบบทดสอบวัดทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่
2ตามแนวคิดพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมอง (Brain – based
Learning) ก่อนเรียนและหลังเรียนจำนวน 15 ข้อ เป็นแบบทดสอบภาคปฏิบัติโดยใช้ของจริง
นิยามศัพท์เฉพาะ
1. ทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน
หมายถึง ความชำนาญที่เกิดจากการปฏิบัติและการฝึกฝนกระบวนการทางความคิดอย่างมีระบบในการค้นหาความรู้และแก้ปัญหาวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน
การศึกษาครั้งนี้จำแนกเป็น 3 ด้าน ดังนี้
1.1 ทักษะการสังเกต หมายถึง ความสามารถในการบอกความแตกต่าง
บอกลำดับวัตถุจัดสิ่งของให้เป็นหมวดหมู่โดยใช้เกณฑ์ในการจัดแบ่ง เช่น ความเหมือน ความต่างหรือความสัมพันธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง
จากการใช้ หู ตา จมูก ลิ้นและผิวกาย เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุหรือเหตุการณ์
1.2 ทักษะการวัด หมายถึง การใช้เครื่องมืออย่างใดอย่างหนึ่งวัดหาปริมาณของสิ่งต่างๆ
เป็นหน่วยวัดที่มีหรือไม่มีมาตรฐานซึ่งอาจไม่มีหน่วยกำกับก็ได้ เช่น นิ้ว คืบ ศอก เป็นต้นรวมถึงการกะประมาณความหนักเบาของวัตถุ
1.3 ทักษะการจำแนก หมายถึง ความสามารถในการจัดแบ่งหรือเรียงลำดับวัตถุหรือสิ่งของที่มีอยู่โดยใช้เกณฑ์ในการจัดแบ่งเป็น
สี ขนาด รูปร่าง ลักษณะผิว ส่วนสิ่งมีชีวิตใช้เกณฑ์อาหาร ลักษณะที่อยู่อาศัย การสืบพันธุ์
ประโยชน์
2. แนวคิดพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมอง
หมายถึง สมองมีการรับรู้หลากหลายรูปแบบหลายวิธีการจากประสบการณ์ที่เหมาะสมในระหว่างเวลาที่ดีเยี่ยม
ตัวอย่างแผนการสอน
สรุปผลการทดลอง
การเรียนโดยใช้ทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานทักษะการสังเกต
ทักษะการวัดและทักษะการจำแนก
ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2ตามแนวคิดพัฒนาการและการเรียนรู้ของสมอง ส่งผลให้นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่
2 เรียนรู้ทักษะวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
สามารถใช้เป็นแนวทางในการ
พัฒนาการเรียนของนักเรียนให้บรรลุเป้าหมายของหลักสูตรต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น